เวสสภูพุทธวงศ์ที่ ๒๑ ว่าด้วยพระประวัติพระเวสสภูพุทธเจ้า [๒๒] ในมัณฑกัปนั้นแล พระพิชิตมารผู้ไม่มีบุคคลเปรียบเสมอ มีพระนาม ชื่อว่าเวสสภู เสร็จอุบัติขึ้นในโลก พระเวสสภูผู้เป็นนายกของโลก ทรงทราบว่าไฟคือราคะนี้เป็นของร้อนเป็นแว่นแคว้นของตัณหา ทรง ตัดกิเลสดังช้างตัดเชือกแล้ว ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม แล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๑ ได้มีแก่สัตว์ แปดหมื่นโกฏิ เมื่อพระนราสภเชษฐบุรุษของโลก เสด็จจาริกไป ในแว่นแคว้น ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๒ ได้มีแก่สัตว์เจ็ดหมื่นโกฏิ เมื่อ พระองค์ทรงกระทำปาฏิหาริย์บรรเทาทิฏฐิใหญ่ มนุษย์และเทวดาใน หมื่นโลกธาตุมาประชุมกัน เทวดาและมนุษย์ได้เห็นความมหัศจรรย์ อันไม่เคยมี เป็นเหตุให้ขนพองสยองเกล้าแล้วได้ตรัสรู้ ๖๐ โกฏิ พระเวสสภูบรมศาสดา ทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพผู้ ปราศจากมลทิน มีจิตสงบระงับคงที่ ผู้กลัวภัยมีชราเป็นต้น เป็น โอรสของพระศาสดาผู้ได้ฟังพระธรรมจักรอันประณีตอุดม ที่พระ- พุทธเจ้าซึ่งไม่มีใครเสมอพระองค์นั้นทรงประกาศแล้วออกบวช ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๑ พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันแปดหมื่นโกฏิ ครั้งที่ ๒ เจ็ดหมื่นโกฏิ ครั้งที่ ๓ หกหมื่นโกฏิ สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์ พระนามว่า สุทัสนะ ได้บูชาพระพิชิตมารพร้อมด้วยพระสงฆ์ ด้วย ข้าว น้ำและผ้า เรายังมหาทานให้เป็นไปไม่เกียจคร้านทั้งกลางคืน กลางวัน ออกบวชอันถึงพร้อมด้วยคุณ ในสำนักของพระชินเจ้า เราเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยอาจารคุณ ตั้งมั่นอยู่ในวัตรและศีล แสวงหา พระสัพพัญญุตญาณ ยินดีในศาสนาของพระชินเจ้า เรายังศรัทธา และปีติให้เกิด ถวายบังคมพระพุทธบรมศาสดา ปีติเกิดขึ้นแก่เรา เพราะเหตุแห่งโพธิญาณนั่นเอง พระสัมพุทธเจ้าทรงทราบว่า เรามี ฉันทะอันไม่กลับกลอกจึงทรงพยากรณ์ว่า ในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ ผู้นี้ จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ......... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว ยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง ได้อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการ ให้ยิ่งขึ้นไป พระนครชื่อว่าอโนมะ พระบรมกษัตริย์ พระนามว่าสุปติตะ เป็น พระชนกของพระเวสสภูบรมศาสดา พระนางยสวดีเป็นพระชนนี พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่หกพันปี ทรงมีปราสาทอัน ประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่อว่ารุจิ สุรติ และวัฑฒกะทรงมีพระสนม- นารีกำนัลในสามหมื่นนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสี นามว่าสุจิตรา พระราชโอรสพระนามว่าสุปปพุทธะ พระองค์ทรง เห็นนิมิต ๔ ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยวอทอง ทรงบำเพ็ญ เพียรอยู่ ๖ เดือนเต็ม พระเวสสภูมหาวีรเจ้า ผู้เป็นนายกของโลก อุดมกว่านรชน อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรม- จักร ณ อรุณาราม ทรงมีพระโสณเถระและพระอุตรเถระเป็นพระ- อัครสาวก พระเถระชื่อว่าอุปสันตะเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระรามา- เถรีและพระสุมาลาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของ พระองค์เรียกกันว่าไม้อ้อยช้างใหญ่ โสตถิอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก โคตมีอุบาสิกาและสิริมาอุบาสิกา เป็นอุปัฏฐายิกา พระองค์สูง ๖๐ ศอก เปรียบเสมอด้วยเสาทอง พระรัศมีเปล่งออกจากพระวรกาย ดังไฟบนภูเขาในเวลากลางคืน พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น มีพระชน มายุหกหมื่นปี พระองค์ทรงดำรงอยู่เพียงนั้น ทรงช่วยให้ประชุมชน ข้ามพ้นวัฏสงสารได้มากมาย ทรงจำแนกธรรมไว้อย่างพิสดาร ทรงตั้ง มหาชนให้อยู่บนธรรมนาวาแล้ว พระองค์ก็เสด็จนิพพานพร้อมด้วย พระสาวกพระวิหารอันมีชนทุกหมู่เหล่า น่าดูน่าชม พระอิริยาบถ หายไปหมดสิ้นแล้ว สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระเวสสภู ศาสดาชินเจ้าผู้ประเสริฐ เสด็จนิพพานที่เขมาราม พระธาตุของ พระองค์แผ่ไปกว้างขวางในประเทศนั้นๆ ฉะนี้แล.จบเวสสภูพุทธวงศ์ที่ ๒๑
หน้าเว็บ
- หน้าแรก
- มัชฌิมปัณณาสก์
- อุปริปัณณาสก์
- พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
- มหาวาร
- สฬายตน
- ขันธวาร
- นิทาน
- สคาถ
- ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
- มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
- ปาฏิก
- มหาวิภังค์
- สีลขันธ
- อินทริยภาวนา
- พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
- มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
- มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
- สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
- สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
- สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
- สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
- สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
- ทสก-เอกาทสกนิบาต
- สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
- ปัญจก-ฉักกนิบาต
- จตุกกนิบาต
- เอก-ทุก-ติกนิบาต
- ทีฆนิกาย มหาวรรค
วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557
เรื่องเวสสภูพุทธวงศ์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น