วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เรื่องจูฬโพธิจริยา

จูฬโพธิจริยาที่ ๔
ว่าด้วยจริยาวัตรของจูฬโพธิปริพาชก
             [๑๔] อีกเรื่องหนึ่ง ในกาลเมื่อเราเป็นปริพาชกชื่อจูฬโพธิ มีศีลงามเรา                           เห็นภพโดยเป็นสิ่งน่ากลัว จึงออกบวชเป็นดาบส นางพราหมณีผู้มี                           ผิวพรรณดังทองคำ ซึ่งเป็นภรรยาของเราแม้นางก็มิได้อาลัยในวัฏฏะ                           ออกบวชเป็นตาปสินี เราทั้งสองไม่มีความอาลัย ตัดพวกพ้องขาด                           ไม่ห่วงใยในตระกูลและหมู่ญาติเที่ยวไปยังบ้านและนิคม มาถึงยัง                           พระนครพาราณสี เราทั้งสองอยู่ ณ ที่นั้น มีปัญญาไม่เกี่ยวข้องใน                           ตระกูลและคณะ เราทั้งสองอยู่ในพระราชอุทยานอันไม่เกลื่อนกล่น                           สงัดเสียงพระราชาเสด็จทอดพระเนตรพระราชอุทยานได้ทอด                           พระเนตรเห็นนางพราหมณี จึงเสด็จเข้ามาหาเราแล้วตรัสถามว่า นาง                           พราหมณีคนนี้เป็นอะไรกับท่าน เป็นภริยาของใครเมื่อพระราชาตรัส                           ถามอย่างนี้เราได้ทูลแก่พระองค์ดังนี้ว่า นางพราหมณีนี้มิใช่ภริยาของ                           อาตภาพ เป็นผู้ประพฤติธรรมร่วมกันเป็นผู้มีคำสอนร่วมกัน พระ-                           ราชาทรงกำหนัดหนักหน่วงในนางพราหมณีนั้นจึงรับสั่งให้พวกราช-                           บุรุษจับ ทรงบีบคั้นด้วยกำลังสั่งให้นำเข้าไปยังภายในพระนคร เมื่อ                           ภริยาเก่าของเราเกิดร่วมกันมีคำสอนร่วมกัน ถูกฉุดคร่าไปความ                           โกรธพึงเกิดแก่เรา เราระลึกถึงศีลวัตรได้พร้อมกับความโกรธที่เกิดขึ้น                           เราข่มความโกรธได้ ณ ที่นั้นเอง ไม่ให้มันเจริญขึ้นไปอีก ถ้าใครๆ                           พึงเอาหอกอันคมกริบแทงนางพราหมณีนั้น เราก็ไม่พึงทำลายศีล                           ของเราเลย เพราะเหตุแห่งโพธิญาณเท่านั้นเราจักเกลียดนางพราหมณี                           นั้นก็หามิได้ และเราจะไม่มีกำลังก็หามิได้ เพราะพระสัมพัญญุตญาณ                           เป็นที่รักของเรา ฉะนั้นเราจึงรักษาศีลไว้ ฉะนี้แล.
จบจูฬโพธิจริยาที่ ๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น